ฉันจะหยุดที่นักคิดเอกพจน์คนหนึ่ง สำหรับฉันที่พิเศษที่สุด นิท พยายามดิ้นรนอย่างหนักกับฟอรั่มภายในของเขา พยายาม ในการต่อสู้กับอัตตาของเขาเพื่อดึงเอาทุกสิ่งที่มนุษย์สามารถเกี่ยวข้องเชิงอภิปรัชญาเกี่ยวกับการเป็นเกี่ยวกับจิตสำนึกญาณวิทยาขั้นสุดท้ายที่จะนำเขาไปสู่พระเจ้าหรือลงนรกเอง
ในที่สุดเขาก็ลงเอยด้วยสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดกับนรกที่สามารถอยู่บนโลกได้ เขาพยายามปกป้องตัวเอง ทำลายล้าง เพื่อไม่ให้ต้องจำนนต่อเขาวงกตแห่งจิตใจเหมือนวงกลมของดันเต้เท่านั้นโดยปราศจากการเอาชนะโคลงสั้น ๆ การระบาดของความบ้าคลั่งจบลงด้วยการปิดล้อมเขาในวันสุดท้าย ด้วยความพ่ายแพ้ของนักคิดที่เกือบจะรู้ทุกอย่างแล้ว สุดท้ายก็ถูกพระเจ้าลงโทษหรือเผาด้วยไฟของพลังงานตั้งต้น
ยึดเอาอุดมการณ์ทางการเมือง ถูกปฏิเสธในบางครั้ง หรือถูกยกขึ้นสู่แท่นบูชาที่ผู้อื่น ... ในความเห็นที่ต่ำต้อยของฉัน Nietzsche พูดกับตัวเองเท่านั้นพยายามโน้มน้าวตัวเองว่าเขามาถูกทางแล้ว และหวังว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาจากถ้ำพร้อมคำตอบที่แน่นอนสำหรับคำถามทั้งหมด ก่อนสั่งซื้อหนังสือสามเล่มที่ดีที่สุดโดยอัจฉริยะแห่งความคิดสมัยใหม่นี้ บอกเลยว่าตอนนี้คุณสามารถมี งานทั้งหมดของ Nietzsche อยู่ในเล่มที่น่าสนใจเหล่านี้
หนังสือแนะนำ 3 เล่มโดย ฟรีดริช นิทเช่
Zaratrusta พูดดังนี้
ฉันต้องสารภาพว่าตอนที่ฉันมีหนังสือเล่มแรกของ Nietzsche อยู่ในมือ มีบางอย่างที่เหมือนกับการให้ความเคารพทำให้ฉันประทับใจ ราวกับว่าฉันมีหนังสือศักดิ์สิทธิ์อีกเล่มอยู่ตรงหน้า เหมือนคัมภีร์ไบเบิลสำหรับผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าที่ตั้งใจว่าจะเลิกเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
พลังของซูเปอร์แมนนั้นโดนใจฉัน มีรากฐานที่ดี น่าเชื่อถือ มีแรงบันดาลใจ... แต่บางครั้งมันก็ฟังดูเหมือนกับข้อแก้ตัวของผู้พ่ายแพ้ ไม่สามารถหนีจากความว่างเปล่าได้
สรุป: ที่ซึ่งเขารวบรวมสาระสำคัญของปรัชญาของเขาในรูปแบบของคำพังเพย ซึ่งถูกกำหนดให้สร้างซูเปอร์แมน ได้มีการกล่าวกันว่า So Spoke Zarathustra ถือได้ว่าเป็นตัวจำลองพระคัมภีร์และเป็นหนังสือข้างเตียงสำหรับผู้ที่แสวงหาความจริง ความดี และความชั่ว หนึ่งในงานพื้นฐานในปรัชญาของศตวรรษที่สิบเก้า
พลบค่ำของเทวรูป
ทุกอย่างก่อน Nietzsche ตาม Nietzsche ดูเหมือนจะถูกกีดกันออกไป ความคิดที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์กลายเป็นการแสดงที่ว่างเปล่า โดยไม่ได้รับการสนับสนุนหรือเปลี่ยนแปลงความสามารถ
แต่อย่ารุนแรงเลย มันไม่ได้เกี่ยวกับความนับถืออย่างสูงของเผด็จการ มันเกี่ยวกับปราชญ์และความเหงาของเขาเท่านั้นเกี่ยวกับเจตจำนงของเขาที่จะเข้าใจทันทีและสำหรับทั้งหมดที่เราทำที่นี่ และแนวคิดง่ายๆ ก็เหนื่อยมาก
สรุป: Nietzsche เรียกโสกราตีสว่าเป็นคนจอมปลอมคนแรก เนื่องจากบทกวีและบทเพลงที่ยุ่งเหยิงของเขาไม่สนับสนุนขอบเขตความรู้ในระดับหนึ่ง และสนับสนุนนักปรัชญาคนอื่นๆ ที่โดดเด่นเช่นเดียวกับไดโอจีเนสในระดับที่น้อยกว่า
คนที่สองที่ Nietzsche เรียกว่าของปลอมคือ Kant และคราวนี้เขาไม่เพียงสัมผัสจิตวิญญาณ "คริสเตียน" ที่เขาครอบครองเท่านั้น แต่ยังพูดถึงความไร้ประโยชน์ของความรู้และแนวทางที่ Kant ทำเอง
ตัวอย่างเช่น เรามี "สิ่งของในตัวเอง" และ "สิ่งของสำหรับตัวมันเอง" Nietzsche อธิบายว่ามันเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย และเป็นการโดดเดี่ยวของมนุษย์ด้วยความรู้ แต่ไม่ได้ยึดบังเหียนมันอย่างถึงรากถึงโคน เนื่องจากข้อเท็จจริงของ Not การรู้อย่างถ่องแท้ในบางสิ่งบางอย่างไม่ได้แยกมันออกจากความต้องการที่จะเอาชนะมันด้วยแนวทางเช่นสิ่งที่ไม่สามารถบรรลุได้โดยสิ้นเชิง โดยไม่เหลือพื้นที่สำหรับการไตร่ตรองเล็กน้อย
Ecce Homo คนเรากลายเป็นสิ่งที่เป็นได้อย่างไร
ความชัดเจนของ Nietzsche อาจอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เขารู้อยู่แล้วว่าชายผู้หลงหาย ถูกเฆี่ยนด้วยชีวิต ด้วยสายเลือดที่เปิดกว้างและมงกุฎหนามของเขา อุทิศให้กับสาเหตุการตายที่รวมเอาเหตุผลทั้งหมดของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมของเขาเข้าไว้ด้วยกัน Ecce Homo ใหม่ที่ไม่มีวันฟื้นคืนชีพเพื่ออยู่ท่ามกลางพวกเราอีก
สรุป: หนังสือที่ทำให้งงและลึกลับ เขียนภายใต้สถานการณ์อันน่าทึ่ง (สร้างเสร็จในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 1888 ผู้เขียนจะสูญเสียความสามารถทางจิตอย่างสมบูรณ์และตลอดไปในสองเดือนต่อมา) Ecce Homo เป็นบทสรุปทั่วไปของแนวคิดของ Friedrich Nietzsche (1844-1900 ) และคู่มือ เพื่อกำหนดการเดินทางทางปัญญาของเขา
ฉบับนี้เสริมด้วยบทนำและบันทึกมากมายโดย Andrés Sánchez Pascual ซึ่งเป็นผู้แปลงานด้วยเช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนังสือเล่มหนึ่งที่สำคัญที่สุดในความคิดของผู้แต่งและทำให้เราสามารถมองดูความคิดทั้งหมดของเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายตัวไป
